คุยกันหน่อยกับคนคุณธรรม...

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

                                                                      
                                                    
       ... คำว่า คุณธรรม ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ยังไม่รู้ความหมายจริงๆ ของคำๆนี้  คำว่าคุณธรรมตามความหมายในพจนานุกรม มีความหมายว่า...

                   ... คุณธรรม คือ คุณ + ธรรมะ    คุณงามความดีที่เป็นธรรมชาติ ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเองและสังคม  ซึ่งรวมสรุปว่าคือ  สภาพคุณงามความดี...

                       คุณธรรม ก็คือ ความดีงามในจิตใจที่ทำให้บุคคลประพฤติดี ผู้มีคุณธรรมเป็นผู้มีความเคยชินในการประพฤติดีด้วยความรู้สึกในทางดีงาม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกิเลสซึ่งเป็นความไม่ดีในจิตใจ ผู้มีคุณธรรมจึงเป็นผู้ที่ไม่มากด้วยกิเลสซึ่งจะได้รับการยกย่องว่าเป็น " คนดี " ...

                  ... ความจริงแล้วผมยอมรับเลยว่า ตัวผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณธรรม มันมีความหมายว่ายังไง แล้วทำไมเราถึงต้องมี คุณธรรม ด้วย เรามี คุณธรรม ไว้เพื่ออะไร...เพื่อความโก้ ความเท่ หรือเพื่อใช้เป็นข้อแก้ต่างให้กับตัวเองได้บอกกับคนอื่นๆ ว่าเราเองก็มี คุณธรรม เหมือนกันน่ะ  แบบนั้นหรือ ตัวผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้...

                  ... เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตเล่าความเป็นมาให้ทุกๆ ท่านได้รู้ซักนิดเถิดน่ะครับว่า เหตุใดผมจึงสนใจหาความหมายของคำว่า คุณธรรม แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คนอย่างผม หันมาให้ความสำคัญกับการมี คุณธรรม ในการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ยุคที่เทคโนโลยีกำลังคุกคามการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ ยุคที่เด็กวัยรุ่นหลายล้านคนไม่รู้จักคำว่า บาปบุญคุณโทษ ยุคที่คนไทยส่วนใหญ่แบ่ง สีเสื้อเพื่อสู้รบกัน และ ยุคที่คนไทยเลวๆบางคนด่าได้แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ด่าได้แม้กระทั่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ด่าได้แม้กระทั่งบุคคลทีสำคัญที่สุดของประเทศไทย ด่าได้แม้กระทั่ง" ในหลวง "...

..........

(ขอบคุณภาพจาก คุณPiLenz ที่ http://www.pilenz.com )
                 
                    ...วันหนึ่งผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า ลุงเสรี หอมมาก ผมรู้จักเรื่องราวของลุงคนนี้จากการแนะนำของเพื่อนผมเองว่า...
                    
                     " เฮ้ย!!  มึงดูคนค้นคนตอน สุงเสรี  หอมมากยังว่ะ.."

ผมก็ตอบมันไปว่า...
                    
                     " ยังเลยว่ะ ทำไมว่ะ ถ้ากูดูแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูวะ "

มันก็เลยตอบผมกลับมาว่า...

                     " เออ!! มึงลองไปดูล่ะกัน แล้วมึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง "


                     " เออ!! ว่างๆ เด๋วกูไปดู " ผมตอบมันไป...

                    ... เย็นวันนั้นผมกลับไปนั่งดูรายการ คนค้นค้น ย้อนหลัง ใน เว็บยูทูป ชื่อตอน
"ลุงเสรี คนบุญผู้หยาบช้า คนบ้าผู้น่านับถือ" เชื่อมั้ยครับว่าหากทุกท่านดูเรื่องราวของคนๆ นี้จบ ท่านจะเชื่อได้ทันทีเลยว่า สิ่งที่บ่งบอกถึงคำว่า การเป็นคนดี มีคุณธรรม มันไม่ได้มาจากคำพูดทีสวยหรู รูปร่างหน้าตาที่สวยงาม การแต่งกายที่หรูเลิศ และมันไม่ได้มาจากการทำบุญทีละมากๆ...
                    ... แต่การเป็น คนดี นั้นมันมาจาก การทีเราทำความดีให้กับสังคม ทำความดีให้กับบุคคลอื่นๆ โดยทีไม่จำเป็นต้องไปแคร์ในเรื่องของค่าตอบแทนในสิ่่งที่เราเสียไป...และผมยังเชื่ออีกว่า ในประเทศไทยหรือบนโลกใบนี้ยังมีคนดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม และประเทศชาติ โดยที่พวกเค้าเองก็ไม่ได้หวังสิ่งอื่นใดตอบแทนเหมือนกัน...

                    ... ผมจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมาผมไม่ได้หวังว่าจะให้คนอื่นๆ ที่ได้มาเข้าชมบล็อกนี้ต้องมานั่งสรรเสริญเยินยอในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ แต่จุดประสงค์ที่ผมทำบล็อกนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าตัวผมเองเป็นหนึ่งในพุทธศาสนิกชนที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผมแค่อยากเผยแพร่บุคคลหรือสิ่งต่างๆ ที่สำคัญในพระพุทธศาสนา พระราชกรณียกิจหรือพระราชดำรัสของในหลวง เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของทุกๆ ท่าน เรื่องราวบุคคลที่น่ายกย่องในสังคมไทยจากรายการ คนค้นคน... 

                    ... และที่สำคัญที่สุด จุดประสงค์ที่ผมจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพราะผมยังเชื่อว่ายังมีคนดีๆ อีกมากมายในสังคมไทย ที่ต้องการเผยแพร่สิ่งดีๆ ที่ตัวเองได้ทำหรือเรื่องราวดีๆ ของบุคคลอื่นๆ ที่ต้องการเล่าขานบอกต่อๆ กันไป และผมยังเชื่ออีกว่า ผมคงไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่มีจุดประสงค์แบบนี้อย่างแน่นอน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ คนคุณธรรม กันเถอะครับ ผมเชื่อว่า ถ้าคนไทยทุกๆ คน มีคุณธรรมในการดำเนินชีวิต ครอบครัว สังคม ประเทศชาติของเราจะอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่นอนครับ...

                    ... หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ ส่วนเนื้อหาของบล็อกก็อยู่ที่    หัวข้อด้านบน ของเว็บบล็อกเลยครับผม...
  

พ่อ...มองเห็นเราเสมอ...


กับคลิปโฆษณาที่มีความยาวเพียงแค่ 2-3 นาที แต่ผมเชื่อได้เลยว่า คลิปๆ นี้จะทำให้ทุกๆ ท่านซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องราวในคลิปนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่กับแม่ผู้พิการในชนบทอันห่างไกล ไม่มีแม้กระทั่งบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยของตัวเอง และยังใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกับแม่ผู้พิการ

จนวันหนึ่งเธอลองเขียนจดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือไปถึงในหลวง จดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตเธอ จดหมายที่ไม่มีแม้แต่ซองและแสตมป์ แต่สุดท้ายจดหมายฉบับนั้นของเธอก็ส่งไปถึงมือในหลวง ส่งไปถึงสายพระเนตรของในหลวง และนั่นมันทำให้เราทุกคนได้รู้ว่า

พ่อ มองเห็นเราเสมอ

.......................................


.......................................





แผ่นดินของเรา


เปิดบทนำ  ด้วยภาพพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แล้วภาพกลายเป็น ท้องฟ้ายามราตรีมีพระจันทร์ทรงกลดงดงามวงดุริยางค์บรรเลงโหมโรง แผ่นดินของเราอย่าง มโหฬารระทึกใจ ฝูงหิ่งห้อยนับแสนบินผ่านระยิบระยับฟ้าร่อนลงพื้นเป็นสาย แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลพาดผ่านพระนครศรีอยุธยายามใกล้ฟ้าสาง แสงจันทร์สะท้อนเกลียวน้ำเป็นประกายระยับ

ตอนที่หนึ่ง :  ใกล้รุ่ง
             หญิงสาวชาวไร่ (มีเรีย เบเนเดดตี้) และชายหนุ่มหมู่บ้านเดียวกัน (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) มีชีวิตประสาชาวบ้านอันสงบสุข ณ ท้องทุ่งห่างไกล ทั้งคู่เกี้ยวพาราสี เต้นรำ และร่วมกันขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ใกล้รุ่งทั้งนี้ต่างคนต่างอาบน้ำประแป้ง เก็บดอกไม้กลางทุ่ง พายเรือใบเก็บบัว เตรียมตัวรอรับขบวนเสด็จทางรถไฟของพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาทรงเยี่ยมราษฎร เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึง ก็ทรงทอดพระเนตรมาทางชาวบ้านอย่างเมตตา ดนตรีบรรเลง ยิ้มสู้ดังขึ้นมาเบาๆ ขณะที่มหาดเล็กลงมารับของถวายจากชาวบ้าน พระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์และยิ้มให้ชาวบ้าน ขณะที่รถไฟเคลื่อนออก ชาวบ้าน โดยเฉพาะ หญิงชายคู่นำ มองตามอย่างปิติจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้

ตอนที่สอง :  ลมหนาว  
            บนภูเขาสูง ชาวเขาชาวดอยเลิกจากการปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชเมืองหนาวทดแทน ตามแนวทางพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว ชายหนุ่มชาวเขาคนหนึ่ง (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) มีชีวิตทำไร่ปลูกผักอยู่กับลมหนาวอย่างมีความสุข พลางร้องเพลง ลมหนาวโดยคนรักของเขาเก็บดอกไม้อยู่ในแปลงดอกไม้โครงการหลวงที่ในหลวงทรงริเริ่มไว้ ทั้งคู่ที่กำลังมีความรักฝันถึงโลกแห่งรักที่เต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบานเต็มทุ่ง ชายหนุ่มตัดสินใจยื่นของหมั้นให้หญิงสว เธอนิ่ง แต่สุดท้ายก็จับมือเขาและรับของชิ้นนั้นไว้ บรรยากาศเมืองเหนืออบอวลด้วยไอรักและความสุข


ตอนที่สาม :  ค่ำแล้ว
อาทิตย์อัสดง ณ หมู่บ้านอันยากไร้และแห้งแล้งแห่งหนึ่ง บนแผ่นดินอีสาน แม่ (สุนารี ราชสีมา) คนหนึ่งซึ่งมีลูกๆ สี่คน และยังท้องอยู่อีกหนึ่งคน ทุกข์ระทมจากความแร้นแค้น สามีของเธอต้องออกจากบ้านไปหางานทำในเมือง  เธอร้องเพลง ค่ำแล้วเพื่อกล่อมลูกๆ นอน แต่แล้ววันหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเสด็จมาเยี่ยม และทรงครุ่นคิดหาหนทางช่วยเหลือ ในที่สุดก็ปรากฏเป็นแผนภูมิโครงการฝนหลวง

 ตอนที่สี่ :  สายฝน
                ผืนดินอีสานแห่งเดิมกลับมาฉ่ำน้ำอีกครั้ง หลังจากโครงการฝนหลวงของพระเจ้าอยู่หัว สร้างฝนให้ชาวนาสำเร็จ ข้าวงอกงาม สามีและภรรยาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ชาวบ้านออกมาจับกบ เขียด และปลาที่กลับคืนท้องนาดังเดิม ทั้งหมดร่วมกับร้องเพลง สายฝนอย่างเป็นสุข


ตอนที่ห้า :  Oh I Say
             กลุ่มสตรีทแด๊นซ์สีแดง นัดรวมตัวกันประจำที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หัวหน้ากลุ่ม (นัททิว) กำลับอบรมลูกน้อง พวกเขาเป็นอริกับกลุ่มนักเต้นฮิพฮอพสีเหลือง (สิงโต) ต่างฝ่ายต่างตรงเข้าประชันกัน เต้นแข่งกันอย่างดุเดือด โดยร้องเพลง Oh I Say ในสไตล์เข้มข้น ต่างฝ่ายต่างเก่ง และพาลจะมีเรื่องวิวาทกัน จังหวะเดียวกับที่หันไปเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงที่ทรงแซ๊กโซโฟน และได้เห็นหมู่คนแต่งกายหลากสีสันร้องเพลง Oh I Say ร่วมกันอย่างสมานสามัคคี ทั้งสองแก๊งคิดได้ จึงหยุดทะเลาะกัน จับมือ และร่วมร้องและเต้นเพลง Oh I Say ด้วยกัน

บทส่งท้าย  :  แผ่นดินของเรา         
            ที่ท้องฟ้าเห็นพลุแตกกระจายสวยงาม ชายหนุ่มพากลุ่มคนพิการจำนวนมาก ที่ถือเทียนถวายพระพรและดอกไม้ผ่านมาหยุดยืนมอง ชายหนุ่ม (ธงไชย แมคอินไตย) ก้มลงร้องเพลงให้เด็กหญิงในรถที่เขาช่วยเข็นมา พลางร้องเพลง แผ่นดินของเรา’  ระหว่างที่เขาร้อง เด็กหญิงหลับตาลงจินตนการ ภาพด้านหลังทั้งกลุ่ม ที่เห็นเป็นแสงสีกรุงเทพราตรีเปลี่ยนไปเป็นภาพป่าไม้ ลำธาร สวยงามเหนือจริง มีสัตว์ในวรรณคดีเยื้องย่างและบินว่อนอยู่ทั่วไป เห็นภาพโบราณสถาน แหล่งน้ำ บ้านเรือน ไร่นา ที่อุดมสมบูรณ์สวยงามน่าอยู่ยิ่ง
   ประชาชนซึ่งได้แก่ตัวละครเอกทุกตอน มารวมตัวกันเมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี จนมาถึงปีปัจจุบัน 2553 ทุกคนมีอายุเพิ่มขึ้นตามวันเวลา และล้วนถือเทียนและช่อดอกไม้สดมุ่งตรงมาถวายพระพร อย่างแช่มชื่นด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
            ที่หน้าพระที่นั่งจักรีฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก...ทรงโบกพระหัตถ์ ยิ้มให้มหาชน.... ประชาชนที่เข้าเฝ้าต่างปิติ บ้างก้มกราบ บ้างถวายคำนับ แล้วพร้อมใจกันชูเทียนพร้อมดอกไม้ขึ้นไสว เปล่งเสียงถวายพระพรสนั่นไปทั่วลาน โคมลอยนับแสนถูกปล่อย ลอยขึ้นจากทั่วบริเวณที่มีแต่ แสงเทียนระยิบระยับ กล้องทิลตามขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นดาวระยับหน้าทางช้างเผือก เปล่งแสงประกายอ่านได้ความว่า " ทรงพระเจริญ "


...............................................................................................................................................................

แผ่นดินของเรา ตอนที่ 1

แผ่นดินของเรา ตอนที่ 2

แผ่นดินของเรา ตอนที่ 3



...............................................................................................................................................................








คนล่าเมฆ

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554


สําลีบนกระดานดําที่แปะเอาไว้คล้ายเมฆกระจายอยู่ทั่วๆ ปริญญากําลังอธิบายการทําฝนเทียมให้เด็กๆ ฟังแบบง่ายๆ ที่หน้าห้องเรียน โดยมีครูมุกยืนดูอยู หลังห้อง บนกระดานเขียนตัวหนังสือตัวโตๆเอาไว้ว่า ฝนหลวง น้ำพระทัยจากพระเจ้าอยู่หัว”  นี่คือฉากเปิดเรื่องของภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เรื่อง คนล่าเมฆ ผลงานกำกับของผู้กำกับมือทองอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่อยากนำเสนอเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝนหลวงซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริที่สำคัญของในหลวง เป็นโครงการที่คนไทยคุ้นหู แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจเนื้อหาและวิธีการจริงๆ ในการทำฝนหลวง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ของชาติ เด็กๆ รู้ไหมว่าฝนหลวงทำอย่างไรปริญญา ถามเด็กๆ เอาน้ำขึ้นไปเทลงมาครับนี่เป็นฉากหนึ่งในเรื่องที่บ่งบอกถึงความเข้าใจผิดของเด็กๆ ซึ่งจุดนี้ทางผู้กำกับเห็นว่าเป็นประเด็นที่ควรถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำฝนหลวง ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนานชวนติดตามในแบบภาพยนตร์แบบแอคชั่น  โดยนำเสนอผ่านทีมงานทำฝนหลวง ที่มีตัวตนอยุ่จริงๆ

เมื่อทีมงานทำฝนหลวงได้รับภารกิจสำคัญในการแก้ไขความแห้งแล้งตามแนวพระราชดำริของในหลวง ในการทำฝนหลวงให้กับชาวบ้าน พวกเขาต้องพบกับปัญหาอะไรบ้างและ อะไรคือแรงใจในการนำไปสู่ความสำเร็จ ในภาพยนตร์เรื่องคนล่าเมฆ  จะเป็นการเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่าน ปริญญาเจ้าหน้าที่วิชาการฝนหลวง กับนักบินอีกสองคน นั่นคือครูม้า และครูบอย โดยมีครูมุก ครูประชาบาลในชนบทห่างไกลคอยเป็นกำลังใจให้กับปริญญาเพราะภารกิจทำฝนหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อุปสรรคที่ต้องเจอส่วนใหญ่ คือการขึ้นบินปฏิบัติการ เพราะเป็นภารกิจที่เสี่ยงตาย เมื่อต้องบินตรงไปหาเมฆ ซึ่งนักบินปกติเขาจะไม่ทำกัน เพราะหลักการของการขับเครื่องบินบนท้องฟ้านั้นโดยทั่วไป เขาให้หลีกเลี่ยงให้ห่างเมฆที่สุด เพราะทั้งอุณหภูมิภายในประจุไฟฟ้า หยดน้ำข้างในล้วนทําอันตรายให้แก่เครื่องบินได้ทั้งสิ้นแต่พวกเรากลับทําทุกอย่างที่เป็นข้อห้าม เราขับเครื่องบินพุ่งเข้าหาเมฆซึ่งถือว่าเสี่ยงอันตรายมากๆ

ปริญญาเล่าเรื่องนี้ให้เด็กๆ ในเรื่องฟัง   นอกจากการเสี่ยงอันตรายเรื่องการบินแล้ว ถ้าทิ้งสารเคมีแล้วสภาพอากาศไม่ดีการทำฝนหลวงก็ไม่เป็นผล  แม้จะมีเรื่องให้หนักใจเท่าไหร่สุดท้ายทุกคนก็ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ ด้วยกำลังใจที่พระเจ้าอยู่หัวมีให้กับเจ้าหน้าที่ฝนหลวงทุกคน โดยทรงพระราชทานแพดฝนหลวงมาให้ สร้างความปลื้มปิติให้กับเจ้าหน้าที่และนักบินเป็นอันมาก สุดท้ายการทำฝนหลวงก็สำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะในหลวงท่านไม่เคยทิ้งประชาชน ท่านทรงติดตามงานในพระราชดำริอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี  และเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติสนองพระราชดำริอยู่สม่ำเสมอ 


" เพราะฝนหลวง เป็นน้ำพระทัยจากพระเจ้าอยู่หัว "        

....................................................................................................................
คนล่าเมฆ   ตอนที่ 1


คนล่าเมฆ   ตอนที่ 2


คนล่าเมฆ   ตอนที่ 3




....................................................................................................................
















คุยกันหน่อยกับคนคุณธรรม...

                                                                      
                                                    
       ... คำว่า คุณธรรม ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ยังไม่รู้ความหมายจริงๆ ของคำๆนี้  คำว่าคุณธรรมตามความหมายในพจนานุกรม มีความหมายว่า...

                   ... คุณธรรม คือ คุณ + ธรรมะ    คุณงามความดีที่เป็นธรรมชาติ ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเองและสังคม  ซึ่งรวมสรุปว่าคือ  สภาพคุณงามความดี...

                       คุณธรรม ก็คือ ความดีงามในจิตใจที่ทำให้บุคคลประพฤติดี ผู้มีคุณธรรมเป็นผู้มีความเคยชินในการประพฤติดีด้วยความรู้สึกในทางดีงาม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกิเลสซึ่งเป็นความไม่ดีในจิตใจ ผู้มีคุณธรรมจึงเป็นผู้ที่ไม่มากด้วยกิเลสซึ่งจะได้รับการยกย่องว่าเป็น " คนดี " ...

                  ... ความจริงแล้วผมยอมรับเลยว่า ตัวผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณธรรม มันมีความหมายว่ายังไง แล้วทำไมเราถึงต้องมี คุณธรรม ด้วย เรามี คุณธรรม ไว้เพื่ออะไร...เพื่อความโก้ ความเท่ หรือเพื่อใช้เป็นข้อแก้ต่างให้กับตัวเองได้บอกกับคนอื่นๆ ว่าเราเองก็มี คุณธรรม เหมือนกันน่ะ  แบบนั้นหรือ ตัวผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้...

                  ... เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตเล่าความเป็นมาให้ทุกๆ ท่านได้รู้ซักนิดเถิดน่ะครับว่า เหตุใดผมจึงสนใจหาความหมายของคำว่า คุณธรรม แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คนอย่างผม หันมาให้ความสำคัญกับการมี คุณธรรม ในการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ยุคที่เทคโนโลยีกำลังคุกคามการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ ยุคที่เด็กวัยรุ่นหลายล้านคนไม่รู้จักคำว่า บาปบุญคุณโทษ ยุคที่คนไทยส่วนใหญ่แบ่ง สีเสื้อเพื่อสู้รบกัน และ ยุคที่คนไทยเลวๆบางคนด่าได้แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ด่าได้แม้กระทั่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ด่าได้แม้กระทั่งบุคคลทีสำคัญที่สุดของประเทศไทย ด่าได้แม้กระทั่ง" ในหลวง "...

..........

(ขอบคุณภาพจาก คุณPiLenz ที่ http://www.pilenz.com )
                 
                    ...วันหนึ่งผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า ลุงเสรี หอมมาก ผมรู้จักเรื่องราวของลุงคนนี้จากการแนะนำของเพื่อนผมเองว่า...
                    
                     " เฮ้ย!!  มึงดูคนค้นคนตอน สุงเสรี  หอมมากยังว่ะ.."

ผมก็ตอบมันไปว่า...
                    
                     " ยังเลยว่ะ ทำไมว่ะ ถ้ากูดูแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูวะ "

มันก็เลยตอบผมกลับมาว่า...

                     " เออ!! มึงลองไปดูล่ะกัน แล้วมึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง "


                     " เออ!! ว่างๆ เด๋วกูไปดู " ผมตอบมันไป...

                    ... เย็นวันนั้นผมกลับไปนั่งดูรายการ คนค้นค้น ย้อนหลัง ใน เว็บยูทูป ชื่อตอน
"ลุงเสรี คนบุญผู้หยาบช้า คนบ้าผู้น่านับถือ" เชื่อมั้ยครับว่าหากทุกท่านดูเรื่องราวของคนๆ นี้จบ ท่านจะเชื่อได้ทันทีเลยว่า สิ่งที่บ่งบอกถึงคำว่า การเป็นคนดี มีคุณธรรม มันไม่ได้มาจากคำพูดทีสวยหรู รูปร่างหน้าตาที่สวยงาม การแต่งกายที่หรูเลิศ และมันไม่ได้มาจากการทำบุญทีละมากๆ...
                    ... แต่การเป็น คนดี นั้นมันมาจาก การทีเราทำความดีให้กับสังคม ทำความดีให้กับบุคคลอื่นๆ โดยทีไม่จำเป็นต้องไปแคร์ในเรื่องของค่าตอบแทนในสิ่่งที่เราเสียไป...และผมยังเชื่ออีกว่า ในประเทศไทยหรือบนโลกใบนี้ยังมีคนดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม และประเทศชาติ โดยที่พวกเค้าเองก็ไม่ได้หวังสิ่งอื่นใดตอบแทนเหมือนกัน...

                    ... ผมจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมาผมไม่ได้หวังว่าจะให้คนอื่นๆ ที่ได้มาเข้าชมบล็อกนี้ต้องมานั่งสรรเสริญเยินยอในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ แต่จุดประสงค์ที่ผมทำบล็อกนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าตัวผมเองเป็นหนึ่งในพุทธศาสนิกชนที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผมแค่อยากเผยแพร่บุคคลหรือสิ่งต่างๆ ที่สำคัญในพระพุทธศาสนา พระราชกรณียกิจหรือพระราชดำรัสของในหลวง เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของทุกๆ ท่าน เรื่องราวบุคคลที่น่ายกย่องในสังคมไทยจากรายการ คนค้นคน... 

                    ... และที่สำคัญที่สุด จุดประสงค์ที่ผมจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพราะผมยังเชื่อว่ายังมีคนดีๆ อีกมากมายในสังคมไทย ที่ต้องการเผยแพร่สิ่งดีๆ ที่ตัวเองได้ทำหรือเรื่องราวดีๆ ของบุคคลอื่นๆ ที่ต้องการเล่าขานบอกต่อๆ กันไป และผมยังเชื่ออีกว่า ผมคงไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่มีจุดประสงค์แบบนี้อย่างแน่นอน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ คนคุณธรรม กันเถอะครับ ผมเชื่อว่า ถ้าคนไทยทุกๆ คน มีคุณธรรมในการดำเนินชีวิต ครอบครัว สังคม ประเทศชาติของเราจะอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่นอนครับ...

                    ... หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ ส่วนเนื้อหาของบล็อกก็อยู่ที่    หัวข้อด้านบน ของเว็บบล็อกเลยครับผม...
  

เรื่องเดียวกัน


เรื่องราว 4 เหตุการณ์ 4 ช่วงเวลา ถูกนำเสนอผ่านตัวละครวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขตามประสาเด็กนักเรียนทั่วๆไป แต่เขาเคยรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำประปา นมที่ดื่ม หรือผลไม้ที่กิน ล้วนมีที่มาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ก็คือ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2510 ชาวเขาสองคนต่างไล่ล่ากันเพราะความโกรธแค้นที่อีกฝ่ายคิดว่าเพื่อนของตนทรยศไปเข้ากับทางการ และแอบบอกที่ซ่อนของไร่ฝิ่น และนี่ก็คือจุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงจากการทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝิ่น ไปสู่การมีอาชีพใหม่ของชาวเขา คือการปลูกพืชเมืองหนาว จากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ของกลุ่มคนบนที่สูง ทำให้ชุมชนแถบนั้นมีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถแก้ปัญหายาเสพติด มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน สุดท้าย เพื่อนม้งก็ได้เข้าใจถึงสิ่งที่เพื่อนของตนเองทำว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร

            ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่ง ณ จังหวัดสระบุรี พ.ศ.2520  ต้น เด็กชายร่างเล็ก เขาแอบชอบเพื่อนสนิทของเขา คือ มิลค์ สาวน้อยน่ารักที่มีรุ่นพี่หมายปอง ต้นพยายามหมั่นไปหามิลค์ที่บ้านซี่งเป็นฟาร์มโคนม และได้มีโอกาสช่วยมิลค์ทำงาน ทำให้ทั้งสองได้สนิทสนมกันมากขึ้น แต่ต้นก็รู้ตัวดีว่าเขาเองนั้นไม่สูงและเท่เหมือนคนอื่นๆ ต้นจึงมุมานะในการกินนม เพราะคิดว่าถ้าเขาสูงขึ้นแล้วมิลค์คงจะรับรักเขาสักวัน และแล้ว ต้นก็รวบรวมความกล้า สารภาพรัก ท้ายที่สุดถึงแม้มิลค์จะบอกว่าเธอชอบรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง ต้นก็เข้าใจและยังรักมิลค์เป็นเพื่อนเหมือนเดิม พร้อมทั้งยังตั้งใจกินนมที่เค้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อไป
              ณ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก พ.ศ.2545 รายการสารคดีจากประเทศญี่ปุ่นได้มาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการจัดการน้ำในเมืองไทย และได้สัมภาษณ์ วิทยา ผู้ที่ได้รับรางวัลเจ้าหน้าที่เขื่อนดีเด่น วิทยาเล่าว่า ที่ประเทศไทยมีน้ำใช้ และน้ำท่วมน้อยลง เพราะในหลวงทรงห่วงเรื่องน้ำมาก  ท่านทำโครงการหลายอย่าง ทั้งการช่วยรักษาป่าเพื่อรักษาแหล่งกำเนิดน้ำ ทำฝนหลวง  ท่านมีพระราชดำริให้สร้างเขื่อน ฝายทดน้ำ อ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการทำกสิกรรม ปศุสัตว์     เขาพาทีมงานไปสัมภาษณ์ คุณยายที่อยู่ก่อนสร้างเขื่อน

            หลังจากนั้น ทุกๆ เหตุการณ์ก็ได้ถูกนำมาเชื่อมโยงกับชีวิตของ ต่อ เด็กวัยรุ่นชาวกรุงคนหนึ่ง ที่กำลังเล่นอินเตอร์เน็ต ดื่มนม และมีพ่อที่เป็นเจ้าหน้าที่เขื่อนดีเด่น และคือ ต้น ในวัยเด็กคนนั้น สุดท้ายสองพ่อลูกจึงได้ไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่สถานีรถไฟฟ้าหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

..........................................................................................................................

ตอนที่ 1


ตอนที่ 2

ตอนที่ 3


.......................................................................................................................... 







จากฟ้าสู่ดิน


 ณ ท้องนาแดนอีสาน ครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง มีหัวหน้าครอบครัวชื่อสมหวัง เมียชื่อคำปอง  มีลูกน้อยหนึ่งคนชื่อบักหำ และมีมารดาอาศัยอยู่ด้วยชื่อคำแปง สมหวังและคำปองกำลังท้อแท้สิ้นหวัง นาข้าวของพวกเขาเสียหายเพราะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดหนัก หลังจากเจอทั้งฝนแล้งและน้ำท่วมไปเมื่อปีก่อนๆ มาปีนี้ก็ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทำกินได้ เพื่อนร่วมหมู่บ้านเดียวกันบางคนต้องออกไปหางานทำในเมือง สมหวังรู้สึกชิงชังการเป็นชาวนา ที่ต้องทนทุกข์ยากอย่างไร้หนทาง ทั้งที่เป็นชาวนาแท้ๆ แต่กลับมีข้าวไม่พอหุงให้ครอบครัวได้อิ่ม ข้าวพันธุ์ที่ยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งเป็นข้าวพระราชทานสำหรับเอาไว้ปลูกในปีถัดไป แต่สมหวังก็รู้สึกหมดหวังเสียแล้วกับการเป็นชาวนา
ในที่สุดสมหวังก็ตัดสินใจติดป้ายประกาศขายที่นาตนเอง ท่ามกลางความเสียใจของมารดา เมีย และลูก ซึ่งหวังไว้เมื่อโตขึ้นจะทำนาต่อจากพ่อ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าไปหางานทำในเมือง คำแปงจึงนำข้าวพระราชทานไปขาย แล้วเอาเงินมาให้สมหวังติดตัวไปขึ้นรถหกล้อ เพื่อไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างในเมือง
สมหวังทำงานอย่างขยันขันแข็ง รับทำงานโอทีเพิ่มนอกเวลา เขาไม่สังสรรค์และเล่นการพนันเหมือนคนงานคนอื่นๆ แต่เมื่อถึงเวลารับเงิน กลับถูกนายจ้างโกง ไม่ยอมจ่ายเงินให้เต็มจำนวน สมหวังรู้สึกเจ็บปวด เพราะเหมือนถูกปล้นศักดิ์ศรีของความเป็นคนไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อติดร่างแหถูกตำรวจรวบตัวข้อหาเล่นการพนัน ทั้งที่เขาไม่ได้เล่น แต่คนอื่นที่เล่นพากันหลบหนีไปหมด

ขณะเดียวกัน ที่นาของสมหวังที่อีสาน ก็มีเสี่ยคนหนึ่งสนใจอยากซื้อ เพราะความแห้งแล้งทำให้ชาวนาจำนวนมากพากันขายนาทิ้ง แต่แล้วก็มีข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ มายังท้องนาหมู่บ้านของสมหวัง เขาดูข่าวนี้ทางโทรทัศน์จากในห้องขัง ล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ทรงสาธิตการทำนาตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ทรงคิดค้นขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาแก่เกษตรกร สมหวังน้ำตาไหล ยกมือไหว้ท่วมหัว
หลังจากเพื่อนมาช่วยประกันตัวออกไป สมหวังได้พบกับหญิงตาบอดชื่อติ๊ก ซึ่งกำลังเดินาทางไปร่วมงานแสดงดนตรีคนตาบอดในสวนจตุจักร ติ๊กชวนเขาเดินไปด้วยกัน เขาได้ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ที่บรรเลงโดยวงดนตรีผู้พิการทางสายตา เมื่อฟังแล้วเขาจึงเกิดกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
               สมหวังกลับบ้านเกิดไปหาครอบครัว เขาเปลี่ยนใจไม่ขายที่นา และหันมาตั้งต้นทำนาอย่างพอเพียง ด้วยหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

........................................................................................................................................................


ตอนที่ 1

ตอนที่ 2


........................................................................................................................................................





เหรียญของพ่อ



เสียงเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียนดังขึ้นบนเวทีของศาลากลางจังหวัด ที่มีป้ายเขียนชื่องานว่า การแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 วงออเครสต้าร์เยาวชน ที่มีเด็กๆชั้นประถมศึกษาตอนปลาย หลายเชื้อชาติหลายศาสนา กำลังซ้อมใหญ่ในการบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ที่จะจัดขึ้นในตอนเย็นอย่างไพเราะที่เก้าอี้คนดูขอหอประชุมที่ว่างเปล่า ครูธานี อายุราวๆ 80 ปี นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาสวมแว่นตา มองขึ้นไปบนเวทีแล้วยิ้มน้อยๆอย่างสุขใจ
เรื่องราวของครอบครัวครูธานี รักษ์ภูมิ ถูกบันทึกลงในสมุดจากรุ่นสู่รุ่น บอกเล่าถึงเรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่พระราชทานให้กับครอบครัวของครูธานี นับตั้งแต่ที่ครูธานีต้องสูญเสียขาข้างซ้ายของเขาไปจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลังจากที่เขากลับจากการรับพระราชทานเหรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะครูดีเด่น โดยมีลูกชายและเด็กนักเรียนอีกหลายคนนั่งมาในรถด้วย หลังเหตุการณ์ ขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ครูธานีหันไปมองแจกันดอกไม้พระราชทานที่มีสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จย่าฯ ที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง พลันน้ำตาของครูธานีก็ไหลออกมาด้วยความปลืมปิติในพระมหากรุณาธิคุณ
                                                                          
สิทธาลูกชายของครูธานี เจริญรอยตามอุดมการณ์ของพ่อโดยการไปเป็นตำรวจระเวนชายแดน และได้แต่งงานกับน้ำพยาบาลสาวบนดอย ซึ่งคอยเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา พร้อมมีลูกที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคนคือนุ่น  สิทธาและชาติเพื่อนสนิททำงานอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ และมีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เสด็จมาเยี่ยม ตชด. ถึงบังเกอร์ด้วยพระองค์เอง สร้างความปลาบปลื้มใจเป็นอันมาก และเหรียญพระราชทานจากในหลวงซึ่งพ่อของเขาให้มา ก็ถือว่าเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี
                                                                             
สิทธาและเพื่อนตชด.ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้แผ่นดินไทยสงบสุข ปราศจากภัยร้ายจากยาเสพติด ทำให้เขาและชาติ เพื่อน ตชด. หน่วยเดียวกันต้องตกอยู่ในวงล้อมของผู้ค้ายา จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนกระทั่งมาถึงบัดนี้ นุ่น ลูกสาวของสิทธาก็ยังคงมีความตั้งใจมั่นที่จะสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้แผ่นดินไทย ด้วยการเข้าร่วมเป็นหน่วยแพทย์อาสา พอสว.  เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่ประสบทุกข์ภัยโดยไม่นึกหวั่นต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง โดยทั้งสามคนสามรุ่นมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสิ่งเดียวกัน คือ เหรียญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ครูธานีได้รับพระราชทานเมื่อครั้งที่เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะทำให้ผู้ที่เสียสละและรักชาติทุกคนพบเจอแต่สิ่งที่ดีในชีวิต และใครจะเชื่อว่า เหรียญของพ่อเหรียญนี้ จะนำมาซึ่งปาฏิหาริย์อย่างไม่น่าเชื่อ...

..........................................................................................................................................


ตอนที่ 1 




ตอนที่ 2




............................................................................................................................................................